Fast shipping on all orders
  Sign up to our newsletter and receive exclusive offers and promotions!
Post

Frozen food leads to health issue including gaining weight

ในช่วงเวลาที่เราต้องกักตัวเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันโรคโควิด 19 นี้ ทำให้เราต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน การจะออกไปข้างนอกแม้แต่จะออกไปซื้อของใช้จำเป็นและอาหารสำหรับบริโภคก็ทำได้ลำบากขึ้นและมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ หลายคนจึงเลือกที่จะซื้ออาหารมาเตรียมไว้ให้เพียงพอที่จะรับประทานไปหลายวัน

อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและวัตถุดิบแช่แข็งจึงเป็นตัวเลือกที่คนนิยมเพราะรับประทานได้สะดวกเนื่องจากผ่านการแปรรูปมาแล้ว เพียงนำมาละลายน้ำแข็งก็นำไปประกอบอาหารหรือแค่อุ่นร้อนก็ทานได้เลย และที่สำคัญคืออาหารแช่แข็งนั้นสามารถเก็บได้นานหลายเดือนจนถึงหนึ่งปีเลยทีเดียว แต่นอกจากความสะดวกที่คุณได้รับแล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือการที่อาหารถูกแปรรูปและเก็บไว้นานๆ แบบนี้มันจะมีผลเสียอะไรต่อร่างกายด้วยหรือเปล่า ลองมาดูที่ละส่วนประกอบไปพร้อมกันค่ะ

อันตรายที่แฝงมากับอาหารแช่แข็ง

ภาชนะบรรจุ

อาหารแช่แข็งสำเร็จรูปมักถูกบรรจุมาในภาชนะที่เป็นกล่องพลาสติก ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อจะรับประทาน ผู้บริโภคจะทำแค่เจาะรูที่ฟิล์มพลาสติกด้านบนเพื่อระบายไอน้ำ จากนั้นก็เอาเข้าไมโครเวฟทั้งกล่องเลย ซึ่งภาชนะพลาสติกเหล่านี้จะมีสาร BPA และ Phthalates เป็นสารตั้งต้นในการผลิต การอุ่นอาหารผ่านภาชนะพลาสติกด้วยความร้อน ก็มีโอกาสที่สารตัวนี้จะซึมและปนเปื้อนอยู่ในอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอาหารที่มีความเป็นกรด มีไขมัน หรือมีโซเดียมสูงจะยิ่งมีโอกาสปนเปื้อนสารพิษได้มากขึ้น เมื่อเราทานอย่างต่อเนื่องสารพิษก็จะยิ่งสะสมทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้

“อาหารแช่แข็ง-ข้าวเซเว่น-ข้าวกล่อง-โซเดียม-น้ำตาล-ผงชูรส-อ้วน-เบาหวาน”/

กรรมวิธีแช่แข็งอาหาร

อาหารแช่แข็งจะผ่านกระบวนการถนอมอาหารโดยใช้ความเย็นที่อุณหภูมิ -18 ถึง -20 องศา ซึ่งสามารถช่วยชะลอการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสียได้ และยังช่วยลดปฏิกริยาของเอ็นไซม์ทำให้อาหารคงสภาพและคุณค่าไว้ได้นานขึ้น ในกระบวนการทำอาหารแช่แข็ง เช่น เนื้อสัตว์และอาหารทะเลแช่แข็ง จะมีการใช้สารประกอบชื่อฟอสเฟตในการแช่แข็งอาหาร โดยการนำสารตัวนี้มาใช้จุ่มเคลือบผิวของอาหารก่อนนำไปแช่แข็งเพื่อช่วยลดการสูญเสียน้ำหนักและป้องกันกลิ่นหืน แม้จะมีงานวิจัยออกมาว่าหากใช้เคลือบอาหารในปริมาณปกติ สารตัวนี้สามารถส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้น้อยมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสที่วัตถุดิบแช่แข็งบางชนิดอาจได้รับสารตัวนี้มากเกินไปซึ่งเราก็ไม่มีทางรู้ได้เลย และเมื่อเราทานเข้าไปมากๆ ก็สามารถทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้ได้

สารปรุงแต่งที่เติมลงในอาหารแช่แข็ง

นอกจากสารเคลือบเพื่อคงสภาพอาหารแล้ว อาหารแช่แข็งยังมักมีไขมันสูงและมีการเติมสารปรุงแต่งสี กลิ่น รส ให้อาหารมีรสชาติและหน้าตาใกล้เคียงกับอาหารปรุงสุกใหม่ๆ …

Post

Does vitamin C really help prevent Covid 19

โรคโควิด 19 (Covid-19) ที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นโรคระบาดที่กำลังสร้างความกังวลใจให้กับคนทั้งโลก ด้วยความเร็วและแรงของเชื้อที่เกิดการแพร่กระจายได้ง่าย และเป็นการยากที่เราจะรู้ตัวว่าได้รับเชื้อมาหรือยัง เพราะไวรัสไม่ได้ทำให้แสดงอาการทันที ทั้งยังมีรูปแบบการแสดงอาการที่แตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละคนด้วย คนที่ได้รับเชื้อที่ยังไม่รู้ตัวจึงยังคงออกไปดำเนินชีวิตตามปกติ จึงเป็นการยากที่จะป้องกันโรคนี้เพราะเราไม่มีทางรู้หรือสังเกตได้เลยว่าใครที่รับเชื้อไปแล้ว

กลัวโควิด 19 ก็กลัว จะไปหาหมอก็ไม่กล้า จึงต้องหาวิธีใหม่ดูแลตัวเอง

ในช่วงเวลาที่การป้องกันไม่ให้ร่างกายรับเชื้อจากผู้ป่วยโดยตรงทำได้ยากแบบนี้ หลายคนจึงเริ่มสรรหาวิธีที่จะช่วยป้องกันโรคโควิด 19 ที่สามารถเริ่มได้ทันที ซึ่งการใช้สมุนไพรหรือภูมิปัญญาแบบดั้งเดิมก็เป็นอีกวิธีที่คนให้ความสนใจ และที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือเคล็ดลับที่ว่าการทานวิตามินซีช่วยป้องกันโรคโควิด 19 ได้ ซึ่งเคล็ดลับนี้ก็มาจากการที่คนนิยมทานวิตามินซีเพื่อป้องกันไข้หวัดอยู่แล้ว และโรคไข้หวัดก็เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเหมือนโควิด 19 จึงเกิดความคิดที่ว่าการทานวิตามินซีก็น่าจะให้ผลในการป้องกันและบรรเทาโรคโควิด 19 ได้เช่นกัน

วิตามินซีป้องกันและบรรเทาไข้หวัด รวมทั้งโควิด 19 ได้จริงหรือ?

ป้องกัน-รักษา-โควิด19-โคโรน่าไวรัส-วิตามินซี

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักวิตามินซีกันก่อน วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ต้านการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายซึ่งเป็นการเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่ง จึงช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้ อีกทั้งยังส่งเสริมให้เกิดการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย จึงช่วยสมานแผลให้หายเร็วขึ้น ช่วยในการสร้างคอลลาเจนที่ทำให้ผิวสวยสดใสได้ด้วย ซึ่งดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับประโยชน์ในเรื่องผิวสวยและการป้องกันหวัดเสียมากกว่า

ในความเป็นจริงแล้ววิตามินซีให้ผลในการป้องกันและบรรเทาอาการไข้หวัดในแต่ละคนได้ไม่เท่ากัน เพราะเคยมีผลการศึกษาออกมาแล้วว่า วิตามินซีสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดได้ 50% ในผู้ที่ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นประจำ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายเป็นประจำ การทานวิตามินซีทุกวันไม่มีผลในการลดความเสี่ยงหรือป้องกันอาการหวัดได้ แต่จะให้ผลในการช่วยลดความรุนแรงและระยะเวลาในการเป็นหวัดได้ …

Post

Effective ways to lose weight for office lady, new mom and over 40 years person

อีกหนึ่งปัญหาหนักใจของผู้หญิงส่วนใหญ่ ก็คงหนีไม่พ้นการมีน้ำหนักเกิน พุงป่อง ลดหุ่นอย่างไรก็ไม่เคยได้ผลใช่ไหม ก่อนอื่นเราอยากให้สาวๆ ทำความเข้าใจก่อนว่าเราไม่สามารถให้วิธีลดน้ำหนักแบบเดียวกันได้เนื่องจากหลายปัจจัยที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น เพศ อายุ ขนาดรูปร่าง รูปแบบการใช้ชีวิต การมีโรคประจำตัว เป็นต้น เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว

สำหรับกลุ่มที่ลดน้ำหนักได้ยากที่เราเห็นกันบ่อยๆ ก็มักจะเป็นสาวออฟฟิศ คุณแม่หลังคลอด และผู้ที่มีอายุ 40 ขึ้นไป ซึ่งเรากำลังจะพูดถึงในวันนี้ ว่าทำไมคนกลุ่มนี้จึงลดความอ้วนได้ยาก รวมถึงเคล็ดลับควบคุมน้ำหนักให้คงที่ในระยะยาวโดยไม่กลับมาโยโย่อีกด้วย

1. พนักงานออฟฟิศ

ลดน้ำหนักไว-ลดพุง-5กิโล-พนักงานออฟฟิศ-วัยทำงาน

เป็นกลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 22 ปีขึ้นไป โดยพนักงานออฟฟิศที่เริ่มประสบปัญหาเรื่องการลดน้ำหนักมักจะอยู่ในช่วงอายุ 20 ปีปลายๆ ซึ่งปัจจัยหลักมาจากอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้อัตราการเผาผลาญเริ่มลดลง ประกอบกับการมีเวลาว่างดูแลตัวเองที่น้อยลง และพฤติกรรมทำลายสุขภาพ เช่น การนอนดึก ทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ดื่มกาแฟมาก ไม่ออกกำลังกาย

เคล็ดลับลดน้ำหนักวัยทำงาน

- นอนหลับให้เป็นเวลาและพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่

- ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ระบบในร่างกายรวมทั้งระบบเผาผลาญทำงานได้ตามปกติ การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารช่วยลดความอยากอาหารและทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น จากการศึกษาพบว่าคนที่ควบคุมอาหารควบคู่กับการดื่มน้ำ 2 …

Post

Stay productive and overcome sleepy feeling during the day

อาการง่วงนอนในที่ทำงาน (หรือแม้แต่ในห้องเรียน) เป็นปัญหาที่คอยกวนใจชาวออฟฟิศอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะในวันที่มีงานสำคัญรอให้สะสางอยู่เต็มไปหมด จึงเป็นการยากที่จะทำตามแผนให้สำเร็จ เพราะเราไม่สามารถควบคุมตัวเองไม่ให้เกิดความง่วงได้ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราง่วงและหมดแรงระหว่างทำงานได้บ้าง มาไขข้อสงสัยเพื่อหาทางแก้ไปด้วยกัน

แก้ง่วงบ่อย-แก้ง่วงตอนทำงาน-ทำไมง่วงบ่อย-ง่วงเพราะอะไร

สาเหตุที่ทำให้เราง่วงนอนระหว่างวัน

- การนอนไม่เป็นเวลาทำให้ร่างกายไม่สามารถหลั่งสารเมลาโทนินหรือสารที่ทำให้รู้สึกง่วงนอนออกมาได้ตามปกติ รวมทั้งการนอนหลับไม่เพียงพอ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเวลาในการพักผ่อนที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 8 ชั่วโมง

- โรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหอบหืด ภาวะหัวใจล้มเหลว ข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคที่เกี่ยวกับการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคลมหลับ และโรคนอนไม่หลับ

- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง หากดื่มในปริมาณมากก็จะส่งผลต่อการนอนหลับอย่างมีคุณภาพในตอนกลางคืน ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอจนรู้สึกง่วงนอนในช่วงกลางวันได้

- การรับประทานอาหารมากเกินไป ทำให้ต้องใช้พลังงานในการย่อยมากขึ้น ร่างกายซึ่งสูญเสียพลังงานไปกับขั้นนี้มากจึงเกิดความอ่อนล้านำมาซึ่งอาการง่วงนอน

- การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ส่งผลให้ร่างกายต้องเร่งผลิตอินซูลิน ออกมาเพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่ น้ำตาลกลูโคสในเลือดจึงลดลงอย่างรวดเร็วจนส่งผลให้ระดับพลังงานลดลงอย่างฉับพลัน จึงทำให้รู้สึกง่วงนอน

แก้ง่วงบ่อย-แก้ง่วงตอนทำงาน-ทำไมง่วงบ่อย-ง่วงเพราะอะไร

วิธีแก้ง่วงนอนที่ได้ผลแน่นอน

- ปรับนิสัยการนอนให้เป็นเวลา พยายามนอนก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายจะผลิตเมลาโทนินออกมาได้มาก (และเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุดด้วย) ควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง การนอนอย่างมีคุณภาพและเพียงพอทำให้ร่างกายได้พักอย่างเต็มที่ …

Post

The benefits of dark chocolate for heart health and weight maintenance

ใครที่เป็นแฟนตัวยงของช็อกโกแลตก็น่าจะเคยทานมาแล้วหลายรูปแบบ และทราบว่านอกจากรสชาติหวานซ่อนขมที่ทำให้เราหลงรักแล้ว ช็อกโกแลตยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมีผลการวิจัยออกมาว่าช็อกโกแลตมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เริ่มอยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าช่วยได้อย่างไร มาค่อยๆ ทำความรู้จักช็อกโกแลตไปด้วยกันเลยค่ะ 

ช็อกโกแลต-ลดความอ้วน-โรคหัวใจ-วาเลนไทน์

ช็อกโกแลตแบ่งออกเป็น 3 ชนิดใหญ่ๆ คือ

1. ดาร์กช็อกโกแลต (Dark Chocolate) เป็นช็อกโกแลตที่มีความเข้มข้นมากที่สุด คนจึงนิยมนำไปประกอบอาหารมากกว่าทานเป็นของว่าง

2. มิลค์ช็อกโกแลต (Milk Chocolate)  มีความคล้ายดาร์กช็อกโกแลตแต่ทานง่ายกว่า เพราะมีนมเป็นส่วนประกอบเพิ่มเข้ามา จึงมีความหวานละมุนลิ้น เหมาะสำหรับทานเล่น 

3. ไวท์ช็อกโกแลต (White Chocolate) เป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีส่วนผสมของโกโก้ลิคเคอหรือเนื้อโกโก้บริสุทธิ์ จะมีเพียงไขมันโกโก้ นม น้ำตาล และสารแต่งกลิ่น มีรสชาติหวานมันมากที่สุดในบรรดาช็อกโกแลตสามชนิด

ว่ากันว่าดาร์กช็อกโกแลตมีสารต้านอนุมูลอิระมากกว่าน้ำผลไม้จริงหรือ!

จะบอกว่าข้อมูลนี้ไม่ได้พูดกันขึ้นมาลอยๆ นะ เพราะได้มีนักวิจัย จาก Hershey Center for Health & Nutrition ทำการศึกษาเรื่องดังกล่าวมาแล้วและถึงกับขนานนามให้เมล็ดโกโก้เป็น Super Fruit กันเลยทีเดียวหลังจากที่ได้ค้นพบว่าดาร์กช็อกโกแลตมีสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) มากกว่าในบลูเบอร์รี่หรือแครนเบอร์รี่ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากอยู่แล้ว …